Refer a friend & Get ฿50 off
'ช้อปดีมีคืน' เริ่มแล้ววันแรก 23 ต.ค. เช็คอีกทีใครมีสิทธิบ้าง?
เริ่มแล้ว! "ช้อปดีมีคืน" การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ก่อนออกจากบ้านไปเที่ยวช้อปชิมชิล "วันหยุดยาว" 23-24-25 ตุลาคมนี้ มาเช็คอีกทีว่าใครมีสิทธิได้ "ลดหย่อนภาษี" ตามมาตรการนี้บ้าง
ชวนคนไทยไป ช้อปปิ้ง กระตุ้นเศรษฐกิจไทยช่วงปลายปี 2563 กันในช่วง "วันหยุดยาว" สุดสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะวันนี้ (23 ต.ค.) เป็นวันแรกที่เริ่มต้นใช้มาตรการ "ช้อปดีมีคืน" ของรัฐบาล ที่ช่วยให้ขาช้อปสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าตามกำหนดไป "ลดหย่อนภาษี" ได้ในปีหน้า
ก่อนจะออกไปช้อปกระจาย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนมาดูหลักเกณฑ์ชัดๆ อีกทีว่า ใครสามารถใช้สิทธิในมาตรการช้อปดีมีคืนนี้ได้บ้าง? แล้วหากมีฐานเงินเดือนต่อปีแค่นี้ จะเอาไปลดหย่อนภาษีได้แค่ไหน? มาหาคำตอบกัน
- สรุปมาตรการ "ช้อปดีมีคืน" รู้ชัดๆ อีกครั้ง
มาตรการช้อปดีมีคืน อีกหนึ่งมาตรการที่ออกมาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และช่วยเหลือผู้ประกอบการ ร้านค้าที่จดทะเบียนในระบบ VAT โดยเป็นการซื้อสินค้าที่เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2563 ที่จะต้องยื่นในเดือนมีนาคม 2564 โดยมาตรการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2563
แต่จะต้องซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษี VAT เท่านั้น และสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษี ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน
- "ช้อปดีมีคืน" ต้องซื้ออะไร ถึงจะได้ลดหย่อน?
มาตรการนี้มีกำหนดไว้อย่างชัดเจนถึงประเภทของสินค้าและบริการที่เข้าร่วม กับสินค้าที่ไม่เข้าร่วมมาตรการลดหย่อนภาษี ไว้ดังนี้
1. สินค้าและบริการที่ "เข้าร่วม" มาตรการ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ได้แก่
- สินค้าและบริการทั่วไป
- สินค้า OTOP
- หนังสือ ทั้งแบบเล่ม และอิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
2. สินค้าและบริการที่ "ไม่เข้าร่วม" มาตรการ ได้แก่
- เหล้า เบียร์ ไวน์
- บุหรี่หรือยาสูบ
- ค่าน้ำมันและก๊าซที่ใช้เติมยานพาหนะ
- ค่าซื้อรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ เรือ
- ซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ทั้งรูปเล่มและอิเล็กทรอนิกส์
- ค่าบริการจัดนำเที่ยว
- ค่าที่พัก โรงแรม
โดยมาตรการนี้ไม่ต้องลงทะเบียน แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่เป็นผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน และต้องเป็นผู้ที่ได้สิทธิมาตรการคนละครึ่ง
ส่วนวิธีการเช็คว่าจะได้ลดหย่อนภาษีเท่าไหร่ จากการจับจ่ายซื้อของในกลุ่มสินค้าที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ผู้จับจ่ายต้องทำความเข้าใจในเงื่อนไขของการลดหย่อนภาษีในเบื้องต้นก่อน ดังนี้
- ผู้เสียภาษีแต่ละคนจะได้รับสิทธิ "ลดหย่อนภาษี" ไม่เท่ากัน
การขอลดหย่อนภาษีจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณนำบิลค่าใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนจ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้เสียภาษีแต่ละคนจะได้รับสิทธิ์ ลดหย่อนภาษี มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ซื้อ และคิดอัตราภาษีคืนตามระดับ เงินสุทธิ ในแต่ละปี เงินได้สุทธิต่อปีแค่นี้ ได้ "ลดหย่อนภาษี" แค่ไหน?มาลองคำนวณสิทธิในการได้รับเงินคืนภาษีสูงสุดตามระดับรายได้ (เงินได้สุทธิต่อปี) ดังนี้
- เงินได้สุทธิต่อปี 0-150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ได้สิทธิ์คืนภาษี จากโครงการช้อปดีมีคืน แม้จะช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาทก็ตาม
- เงินได้สุทธิต่อปี 150,001-300,000 บาท หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์คืนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 300,001-500,000 บาท หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 500,001-750,000 บาท หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 750,001-1,000,000 บาท หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 6,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 1,000,001-2,000,000 บาท หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 2,000,001-5,000,000 บาท หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
- เงินได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป หากช้อปเต็มจำนวน 30,000 บาท มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท
หมายเหตุ: สิ่งที่ลืมไม่ได้คือ การขอเอกสารเพื่อใช้ในการขอลดหย่อนภาษี หมายความว่าต้องซื้อสินค้าจากร้านที่สามารถออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบจากการซื้อสินค้านั้นๆ เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นลดหย่อนภาษี
ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจาก GROOV ไป ตั้งแต่วันที่ 23/10/2020 สามารถขอใบกำกับภาษีได้ ที่นี่
ที่มา: bangkokbiznews.com